













จะเห็นว่าหลักการกินพืชคือ
ถ้าไม่รู้จักแน่ชัด ไม่ควรกินเลย โดยเฉพาะเห็ดในป่า ห้ามกินเลย
เห็ดที่กินได้ ส่วนใหญ่จะขึ้นตามทุ่งหญ้า เห็ดพิษส่วนใหญ่จะขึ้นในป่า
กินเข้าไปแค่ชิ้นเดียวก็ตายได้ มีกะเหรี่ยงหรือชาวบ้านหาของป่า
ตายเพราะกินเห็ดพิษที่เก็บมาจากในป่า อยู่เป็นประจำ
เห็ดพิษอาจมีหน้าตาคล้ายกับเห็ดที่คนกินจนแยกไม่ออก
บางทีเห็ดพิษก็ขึ้นปะปนอยู่กับเห็ดไม่มีพิษ เห็ดพิษที่ตายกันบ่อยมากคือ
เห็ดระโงกหินพิษหรือเห็ดระงาก ที่มีหน้าตาคล้ายเห็ดระโงกขาวกินได้
แต่เห็ดพิษจะมีกลิ่นเอียนและค่อนข้างแรง
หรืออย่างเห็ดที่มีหน้าตาคล้ายเห็ดโคน เห็ดโคนพิษจะมีก้านตัน ส่วนเห็ดโคนที่ไม่มีพิษจะมีก้านกลวง
เคยมีชาวบ้านหลายคนเก็บเห็ดที่มีหน้าตาคล้ายเห็ดโคนและเห็ดนางฟ้า
กินเข้าไป 3 ชม.จึงเริ่มออกอาการ เวียนหัวอาเจียน มือเท้าชา ถ่ายเหลว
คนที่กินเยอะกว่า จะออกอาการมากกว่า ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาลล้างท้อง
บางรายโชคดีที่เห็ดยังไม่มีพิษมากนัก จึงรอดมาได้
เห็ดพิษไม่จำเป็นว่าจะต้องมีสีสันสวยงามเสมอไป อย่างเช่น
เห็ดระโงกหินชนิดที่รูปกะทะคว่ำสีขาว
การต้มไม่สามารถกำจัดพิษจากเห็ดได้ บางคนบอกใช้ช้อนเงินทดสอบเห็ด
หรือดูจากรอยสัตว์แทะนั้นเป็นวิธีที่ไม่แน่นอน
แต่มีวิธีสังเกตุอย่างหนึ่งคือ ถ้าชิมดูแล้วมีรสขม หรือมีกลิ่นแปลกๆ
(แต่เวลาดมต้องระวังสปอร์เห็ดจะเข้าจมูก ไปตกค้างในปอด
ทำให้มีอันตรายได้) หรือถ้าขึ้นบนมูลสัตว์หรือใกล้ๆกัน
ควรสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมีพิษ
| อาหาร 100 กรัม |
โปรตีน (กรัม) |
| ข้าวขาวดิบ |
6 |
| เวย์โปรตีน concentrate |
80 |
| กุ้งแห้งตัวเล็ก |
46.4 |
| ปลาช่อนทะเลแห้ง |
41.8 |
| หมูหยอง |
43.1 |
| อาหาร 100 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต(กรัม) |
| ข้าวขาวดิบ |
80 |
| กล้วยตาก |
80 |





















รูปตัวอย่างทางด่านสัตว์ไปโป่งหมู (เส้นสีแดงทึบ)
ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เส้นทางนี้คนทั่วไปไม่เดินกัน
ไม่มีป้ายบอกทาง เป็นทางด่านสัตว์ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้
อาศัยเดินตามๆสัตว์ เมื่อหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต
จะรู้ว่าโป่งหมูอยู่ติดแม่น้ำเพชร และหลังจากหลอกถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ได้ความว่า ทางไปโป่งหมู ไปทางเดียวกับทางไปเคยูแค้มป์
โดยเดินเลยทางแยกไปน้ำตกทอทิพย์ ไปไม่ไกล จะเจอทางแยก
ที่เลี้ยวซ้ายจะไปโป่งหมู แต่ถ้าตรงไปจะไปเคยูแค้มป์
เมื่อได้ข้อมูลจากปากคนพื้นที่แล้ว ผมจึงเริ่มจาก
สำรวจเส้นทางไปเคยูแค้มป์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนทั่วไปเดินกัน
มีทางชัดเจน มีป้ายบอกทาง แล้วจึงนำมาบันทึกไว้บนแผนที่ (เส้นประสีดำ)
พอมาเปิดดูแผนที่ทหารอีกรอบ จะเห็นว่า
พอเลยแยกไปน้ำตกทอธิพย์มาเล็กน้อย จะมีแนวสันเขาอยู่สันหนึ่ง
แยกออกไปทางซ้ายมือ และทางเส้นนี้มีแค่สันเดียวที่แยกออกไป
จึงมั่นใจได้ว่า สันเขานี้ น่าจะเป็นทางไปโป่งหมู
เพราะแถวนี้เป็นภูสูงห้วยลึก สัตว์จะเดินตามสันเขาเป็นหลัก
ไม่เดินสะเปะสะปะ เหมือนป่าพื้นราบ พอรู้จุดนี้ก็ง่ายแล้ว
แค่ลากเส้นต่อไปตามสันเขา (เริ่มจากรอยต่อระหว่างเส้นประสีดำ
กับเส้นสีแดงทึบ) เริ่มจาก เดินลงไปตามสันเขา เพราะเส้นทางที่ผ่านมา
เดินบนสันเขาตลอด ทางต่อไปก็ควรจะเดินบนสันเขา พอลงไปสุดสันเขาลูกแรก
จะมีภูเขาลูกที่สองขวางหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสัตว์จะไม่ขึ้นไป
จึงลากเส้นเดินอ้อมภูเขา ที่ระดับความสูงเท่าเดิม
เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่เชื่อมกับเส้นทางที่ผ่านมา
ขณะเดินตรงนั้นจะเห็นภูเขาอยู่ทางซ้ายมือ และหุบเขาทางขวามือ
พอเดินเลยภูเขาลูกที่สอง จะถึงรอยต่อระหว่างภูเขาสองลูก
(ตรงรอยต่อระหว่างเส้นทึบสีแดง เส้นทึบสีส้ม และเส้นประสีแดง)
ถึงตรงนี้เริ่มงงแล้ว สันนิษฐานได้ว่า มีทางไป 2 ทาง ทางแรกคือ
ตรงไปตามสันเขาที่ชี้ไปทางทิศตะวันตก(เส้นประสีแดง
ซึ่งมารู้ภายหลังจากสำรวจว่าเป็น ทางขาด) สังเกตุว่า
ทางนี้ถึงแม้ว่าจะเดินสบายในช่วงแรก
แต่พอถึงทางลงตรงใกล้แม่น้ำเพชรน่าจะชันมาก
เพราะเส้นชั้นความสูงอยู่ชิดกัน แสดงว่าทางนี้ไม่น่าจะใช่
ส่วนแยกไปอีกทางหนึ่งคือ หักลงหุบเขาไปตามเส้นสีส้ม
(มารู้ภายหลังว่าทางลงหุบเขาตรงนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เรียกกันว่า
ช่องหนีบ) ซึ่งเส้นนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีอยู่จริงหรือไม่
แต่ถ้าลงไปได้ก็จะสบายเพราะหลังจากเลยไปแล้ว
จะเดินตามสันเขาที่ชันน้อยไปตลอด




















หมวกปีนเขา
ใส่อุปกรณ์เสริมได้พื้นโลกมีรากฐานเป็นหิน มีดินปกคลุมอยู่
แต่ก็ยังพบหินโผล่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะตามทางชันและในลำธาร
หมวกปีนเขา ใส่เพื่อป้องกันหัวกระแทกหิน
แตกต่างจากหมวกกันน็อกทั่วไปตรงที่มีรูระบายอากาศ จึงใส่แล้วไม่ร้อน
มีประโยชน์เวลาปีนป่ายทางชัน เคยมีเหตุการณ์จริงเมื่อปี 2560
ผู้หญิงที่ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดเขาช้างเผือก
แล้วขาลงพลัดตกเขาลงไปในเหวลึก ถึงแม้ว่าจะยังไม่ตาย แต่กะโหลกยุบ
ส่งผลให้หัวหน้าอุทยานสั่งปิดการท่องเที่ยวทันที อีกเหตุการณ์หนึ่งในปี
2561 นักกู้ภัยถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
ถูกคนอยู่สูงกว่าทำหินหล่นลงมาใส่หัว
โชคดีที่ใส่หมวกปีนเขาไว้จึงไม่เป็นอะไร ถัดมาอีกปี 2562
อาสาดับไฟป่าตรงดอยรอยต่อแม่สลอง-แม่จัน
พลาดตกเขาหัวกระแทกหินเสียชีวิตทันที


















เรื่อง ราวทั้งหมดนี้ เป็นบันทึกส่วนตัว
ที่เขียนด้วยใจรักในป่าเขาลำเนาไพร
ผมเริ่มเขียนหลังจากที่มีประสบการณ์การเดินป่ามา 20 ปี
โดยเริ่มจากเข้าค่ายลูกเสือที่วังตะไคร้ตอนอายุ 14 ปี
แล้วเริ่มชื่นชอบป่าเขา จึงเริ่มหาอ่านหนังสือเกี่ยวกับท่องไพร
ยุคนั้นมีแต่นิยายล่าสัตว์
ทำให้เริ่มรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของเจ้าพ่อเขาใหญ่
ตอนเล่นงานนายพรานที่ขอให้เจ้าพ่อช่วยแล้วไม่รักษาคำพูด
ทำให้เริ่มรู้จักขอความช่วยเหลือจากเจ้าป่าเจ้าเขา
และเห็นความจำเป็นของการรักษาคำพูด จนอายุ 15 ปี เริ่มเป็นแฟนประจำ
ของหนังสือแค้มปิ้งท่องเที่ยว และเริ่มเดินป่าครั้งแรกกับเพื่อน
ตอนอายุ 16 ปี สถานที่แรกที่ไป คือ น้ำตกผาตะแบก
ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ครั้งนั้นมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปด้วยเกือบสิบนาย หนึ่งในนั้นคือ
อาจารย์ล้วน และเจ้าหน้าที่นำทางและถางทางชื่อ พี่บุญตา โชคลา
ต่อมาผมยังคงเดินป่าตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ
โดยอาศัยเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำทาง แต่..พอเดินไปเดินมา
พบว่ามีที่ซ้ำๆไม่กี่ที่ๆไม่ต้องใช้คนนำทาง ที่เหลือจ้างคนนำทางแพง
และยุ่งยาก แถมไม่เป็นส่วนตัวแล้ว ยังต้องรีบเดินตามอย่างเดียว
จึงเริ่มรู้สึกว่า เราจะมาเดินทำไมให้เหนื่อย ในป่าไม่เห็นมีอะไรเลย