"เราจะกลายเป็นสิ่งที่เรากิน เราจะกลายเป็นสิ่งที่เราคิด" เวปไซต์นี้ให้ข้อคิดเรื่อง สุขภาพกาย และ สุขภาพใจ ที่ดี
คำตอบของสุขภาพกายคือ อาหาร ร่างกายมนุษย์ต้องการสารอาหารหลายชนิด
เพื่อให้ร่างกายทำงานปกติ แต่อาหารชนิดเดียว มีสารอาหารไม่ครบ
ตามที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ ประกอบกับ อาหารพิษซ่อนอยู่
มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องกินอาหารให้หลากหลาย
เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบ และ ไม่ได้รับสารพิษมากเกินไป
คำตอบของสุขภาพใจคือ
ธรรมะ และ ธรรมชาติ
อดีตผ่านมาแล้ว อนาคตเรายังไม่รู้ จึงไม่มีประโยชน์ทีจะคิดถึงอดีต
หรือคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่งกังวลกับอนาคต
เพราะเรื่องที่คิดปรุงแต่งมักจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ควรฝึกจิตให้สงบ
เพื่อจะทำนายอนาคตได้ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
งานวิจัยพบว่า ธรรมชาติช่วยบำบัดจิตใจได้ การมองต้นไม้สีเขียว หรือ
แค่ดูรูปธรรมชาติ จะช่วยลดความเครียด และช่วยให้สมาธิดีขึ้น
การไปเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ จึงเป็นการชาร์จแบตให้แก่จิตใจ
ธรรมะแปลว่าความจริง สามารถใช้สร้างความเจริญในชาตินี้ได้จริง
หลายคนเวลาเจอปัญหาในชีวิต แล้วเพ้อว่า ธรรมะไม่ได้ช่วย
ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่ไหว้ขอพร
อุปสรรคใหญ่ของคนบนโลกคือ ความไม่รู้ เรื่องง่ายๆใช้ปัญญาคิดได้
แต่เรื่องยากๆ ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่านไปไกล แต่เมื่อตั้งคำถาม ถามตัวเอง
แล้วเข้าสมาธิด้วยอานาปานสติจนถึงขั้น อุปจารสมาธิ
ก็จะรู้คำตอบที่ถูกต้องอย่างง่ายดาย ถ้าพยายามฝึกอานาปานสติตลอดเวลา
จะทำให้จิตว่าง พอได้ยินใครตั้งคำถามก็จะรู้คำตอบได้ เวลานึกถึงใคร
เห็นหน้าใคร หรือได้ยินใครพูดอะไร ก็จะรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ที่เกี่ยวข้องกับคนๆนั้นได้
ซึ่งเรื่องนี้เป็นธรรมชาติของอานาปานสติ ไม่ได้เกี่ยวกับกสิณ
บางคนเข้าใจว่า ฝึกกสิณแล้วจะได้อิทธิฤทธิ์ จริงๆแล้วไม่ใช่
ถ้าฝึกกสิณอย่างเดียวโดยไม่มีอานาปานสติ จะไม่ได้ผลเพราะขาดตัวรู้
กสิณเป็นเพียงตัวเสริมอานาปานสติ เพื่อให้เห็นภาพในสมาธิชัดขึ้น
หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อวันนี้ ชีวิตเรายังหนุ่มยังสาว
ทำไมไม่ใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยง หาความสุขใส่ตัวให้เต็มที่
ลองมองลึกๆจะพบว่า ชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น
ยี่สิบปีข้างหน้าดูเหมือนยาวนาน แต่ยี่สิบปีที่ผ่านมาสั้นนิดเดียว
และ สิ่งที่เราเห็นว่ามีความสุข จะมีความทุกข์ปนอยู่ ถ้ามีแฟนสักคน
แล้ววันใดแฟนนอกใจ เราก็จะเจ็บปวดทรมาน ถ้าซื้อของเล่นมาสักชิ้น
เล่นได้ไม่นานก็เสื่อมสภาพ แล้วลองนึกย้อนอดีตไป
ถึงวันวานที่เคยมีความทุกข์ วันนั้นเราทุกข์แทบตาย
แต่วันนี้เรากลับเฉยๆ ความสุขที่เคยมี วันนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือ
แสดงว่า กาลเวลากลืนกินทุกสรรพสิ่งดังคำสอนของศาสดาว่า
ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นอนัตตา ในเมื่อไม่มีอะไรเหลือ
แล้วเราจะทำมันไปทำไม
เราควรหันมาทำสิ่งที่เป็นมรดกให้แก่โลกดีกว่าไหม